จาก โพสต์ของ การเดินทาง Facebook
ข้อควรปฏิบัติหรือมารยาททางสังคมหลายประการที่น่าสนใจและสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพื่อให้คุณเข้าใจเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งเห็นภาพการนำไปใช้จริง
1.อย่าโทรหาใครเกิน 2 ครั้ง ยกเว้นสำคัญถึงชีวิต
: ข้อนี้เน้นถึงการเคารพเวลาส่วนตัวและความสะดวกของผู้อื่น การโทรศัพท์ซ้ำๆ ในระยะเวลาอันสั้นอาจเป็นการรบกวนและสร้างความกังวลให้กับผู้รับสายได้ หากไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนจริงๆ ควรเว้นระยะ หรือพิจารณาช่องทางการสื่อสารอื่น เช่น การส่งข้อความ
ตัวอย่าง: สมมติว่าคุณโทรหาเพื่อนเพื่อสอบถามเรื่องงาน แต่เพื่อนไม่ได้รับสายในครั้งแรก คุณไม่ควรโทรซ้ำอีกครั้งทันที ควรรออย่างน้อยสักพัก หรือส่งข้อความไปสอบถามว่าสะดวกคุยเมื่อไหร่ หากเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ และโทรครั้งที่สองก็ยังไม่มีคนรับ อาจลองส่งข้อความแจ้งเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนนั้น
การโทรศัพท์อย่างมีสติ - ควรโทรหาใครเพียงสองครั้งเท่านั้นหากไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน การเคารพเวลาส่วนตัวของผู้อื่นช่วยลดความรู้สึกถูกรบกวนและความกังวลที่อาจเกิดขึ้นได้
2.อย่าตำหนิต่อว่าใครต่อหน้าคนอื่น มันจะทำให้คนที่โดนรู้สึกแย่มากๆและอาย จงเรียนรู้คำว่า ติในที่ลับ ชมในที่แจ้ง
: การวิพากษ์วิจารณ์หรือตำหนิผู้อื่นต่อหน้าสาธารณชนเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติและอาจสร้างความอับอายอย่างมากให้กับผู้ถูกตำหนิ หลักการคือ ควรให้คำติชมที่เป็นประโยชน์แบบส่วนตัว เพื่อรักษาความรู้สึกและภาพลักษณ์ของอีกฝ่าย และควรชื่นชมเมื่อมีสิ่งที่ดีให้เห็นต่อหน้าคนอื่น เพื่อเป็นการเสริมสร้างกำลังใจและเป็นแบบอย่างที่ดี
ตัวอย่าง: หากคุณสังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมงานทำผิดพลาดในที่ประชุม แทนที่จะพูดแทรกหรือตำหนิทันที คุณควรรอให้จบการประชุมแล้วค่อยพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเป็นการส่วนตัวถึงข้อผิดพลาดนั้นและให้คำแนะนำ ในทางตรงกันข้าม หากเพื่อนร่วมงานทำผลงานได้ดีในการนำเสนอ คุณควรกล่าวชมเชยเขาต่อหน้าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ
ติชมในที่ลับ ชื่นชมในที่แจ้ง - หลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นต่อหน้าคนอื่นๆ เพราะอาจทำให้พวกเขารู้สึกอับอายและต่อต้าน แต่ควรให้คำติชมและแนะนำอย่างสร้างสรรค์แบบตัวต่อตัว
3.หากคุณกำลังจะเปิดประตู แล้วสังเกตว่ามีคนกำลังเดินตามหลังอยู่ ให้จับประตูรอเพื่อให้เขาได้เดินไปก่อน เสน่ห์ง่ายๆที่ทำให้คุณดูดีขึ้น
: การแสดงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เช่น การจับประตูรอให้คนที่เดินตามมา เป็นการแสดงความใส่ใจและมีมารยาทต่อผู้อื่น เป็นการกระทำที่ไม่ต้องเสียอะไรมากมายแต่สร้างความประทับใจที่ดีได้
ตัวอย่าง: ขณะที่คุณกำลังจะเดินออกจากร้านค้าและเปิดประตู หากสังเกตเห็นว่ามีคนกำลังเดินตามมาในระยะใกล้ คุณควรชะลอและจับประตูไว้จนกว่าเขาจะเดินผ่านไป
การให้ความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ - หากคุณเปิดประตูและเห็นว่ามีคนเดินตามหลังมา ควรรอและจับประตูไว้ เพื่อให้พวกเขาผ่านไปก่อน สิ่งเล็กน้อยนี้สามารถสร้างความประทับใจที่ดีได้
4.ถ้าหากมีใครเลี้ยงข้าวคุณ จงให้คนที่เลี้ยงเป็นคนสั่งเมนู หรือถ้าคุณต้องเป็นคนเลือกเมนู จงเลือกเมนูราคาที่น้อยจนถึงปานกลาง
: ข้อนี้เกี่ยวข้องกับการแสดงความเกรงใจและเห็นอกเห็นใจผู้ที่กำลังเลี้ยงอาหาร การให้เกียรติผู้เลี้ยงในการเลือกอาหารเป็นการแสดงความขอบคุณอย่างหนึ่ง หากจำเป็นต้องสั่งเอง ควรคำนึงถึงงบประมาณของผู้เลี้ยงและเลือกเมนูที่ไม่แพงจนเกินไป
ตัวอย่าง: เมื่อเพื่อนชวนคุณไปทานอาหารและบอกว่าจะเลี้ยงเอง คุณควรถามเพื่อนว่าอยากทานอะไร หรือให้เพื่อนเป็นคนสั่งอาหาร หากเพื่อนบอกให้คุณสั่งเอง คุณควรเลือกเมนูที่มีราคาเหมาะสม ไม่สั่งเมนูที่แพงที่สุดในร้านโดยไม่จำเป็น
การเลือกอาหารเมื่อถูกเชิญ - หากมีคนเชิญคุณไปรับประทานอาหาร ให้ผู้เชิญเป็นคนเลือกสั่งเมนู หรือหากคุณต้องสั่งเอง ควรเลือกราคาที่สมเหตุสมผล
5.คำถามที่ไม่ควรถ้าไม่ได้สนิทกัน ทำงานอะไร เงินเดือนเท่าไร เมื่อไหร่จะมีบ้านมีรถ แต่งงานตอนไหน มีลูกเมื่อไหร่
: คำถามเหล่านี้เป็นเรื่องส่วนตัว และการถามคำถามเหล่านี้กับคนที่ไม่ได้สนิทสนมอาจทำให้เขารู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ หรือถูกละลาบละล้วง การเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
ตัวอย่าง: คุณไม่ควรเริ่มบทสนทนากับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันด้วยคำถามว่า "ทำงานอะไร ได้เงินเดือนเท่าไหร่" หรือ "เมื่อไหร่จะแต่งงาน" ควรถามคำถามที่เป็นกลางและเปิดโอกาสให้เขาพูดคุยในเรื่องที่เขาสบายใจ
หลีกเลี่ยงคำถามส่วนตัว - คำถามเช่น เงินเดือนเท่าไหร่ หรือเมื่อไหร่จะมีบ้าน ไม่ควรถามกับคนที่คุณไม่สนิท เพราะอาจทำให้พวกเขารู้สึกไม่สะดวก
6.หากคุณได้จับมือถือของคนอื่น จงอย่าละเมิดพื้นที่ส่วนตัว รูปภาพ ข้อความแชท
: โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ส่วนตัวที่มีข้อมูลสำคัญมากมาย การหยิบโทรศัพท์ของผู้อื่นมาดูโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการเปิดดูรูปภาพหรือข้อความส่วนตัว ถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง
ตัวอย่าง: หากเพื่อนยื่นโทรศัพท์ให้คุณดูรูปภาพบางรูป คุณควรดูเฉพาะรูปภาพที่เขาต้องการให้ดูเท่านั้น ไม่ควรเลื่อนดูรูปภาพอื่นๆ หรือแอบอ่านข้อความในแอปพลิเคชันต่างๆ
ความเป็นส่วนตัวของโทรศัพท์มือถือ - หากคุณจับมือถือของผู้อื่น อย่าเปิดดูข้อมูลส่วนตัวหรือรูปภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต
7.จงรับฟัง ปัญหาของใครสักคนอย่างตั้งใจ แม้ว่าคุณจะช่วยอะไรไม่ได้เลยก็ตาม จงหยุดพูดคำพูดที่ว่า ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ เห็นไหมละ ทำตัวเองช่วยไม่ได้
: เมื่อมีคนมาปรึกษาปัญหา สิ่งสำคัญที่สุดคือการรับฟังด้วยความตั้งใจและแสดงความเข้าใจ แม้ว่าเราจะไม่มีทางออกให้ก็ตาม การพูดซ้ำเติมหรือตำหนิผู้ที่กำลังทุกข์ใจเป็นการกระทำที่ไม่เห็นอกเห็นใจและไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น การเป็นผู้ฟังที่ดีเป็นการแสดงความเคารพและความห่วงใย
ตัวอย่าง: เมื่อเพื่อนเล่าปัญหาความทุกข์ใจให้คุณฟัง คุณควรรตั้งใจฟัง แสดงความเห็นใจ และให้กำลังใจ ไม่ควรพูดว่า "ก็บอกแล้วว่าอย่าทำแบบนั้น" หรือ "เห็นไหมล่ะ เป็นอย่างที่บอกเลย"
ฟังด้วยใจ - เมื่อมีคนมาปรึกษาปัญหา ควรฟังอย่างตั้งใจและแสดงความเห็นใจ แทนที่จะพูดคำพูดที่ไม่ช่วยเหลืออะไร
8.ยิ่งสนิทมาก ยิ่งต้องรู้จักถนอมน้ำใจให้มาก
: ความสนิทสนมไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถพูดหรือทำอะไรก็ได้ตามใจ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ยิ่งสนิทกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้
ตัวอย่าง: แม้ว่าคุณจะสนิทกับเพื่อนมากแค่ไหน ก็ไม่ควรล้อเลียนปมด้อยหรือพูดจาที่ทำร้ายจิตใจเพื่อน เพียงเพราะคิดว่าเพื่อนคงไม่โกรธ
ยิ่งสนิทมาก ยิ่งต้องรู้จักถนอมน้ำใจให้มาก - ความสนิทสนมไม่ควรเป็นข้ออ้างให้พูดหรือทำอะไรก็ได้โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย การรักษาความเคารพและใส่ใจความรู้สึกของกันและกัน เป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงความสัมพันธ์ที่ดีและยืนยาว
9.สวัสดี ขอบคุณ ขอโทษ คำพูดง่ายๆที่ไม่ต้องลงทุน แต่ผลกำไรมหาศาล
: คำพูดเหล่านี้เป็นการแสดงความเคารพ การขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ หรือการขอโทษเมื่อทำผิดพลาด เป็นคำพูดง่ายๆ ที่สามารถสร้างความรู้สึกที่ดีและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ตัวอย่าง: เมื่อพบเจอผู้ใหญ่หรือคนที่อาวุโสกว่า ควรกล่าวคำว่า "สวัสดี" เมื่อได้รับความช่วยเหลือหรือของขวัญ ควรกล่าวคำว่า "ขอบคุณ" และเมื่อทำผิดพลาด ควรกล่าวคำว่า "ขอโทษ"
คำพูดเรียบง่ายแต่มีพลัง - การใช้คำว่า "สวัสดี", "ขอบคุณ", และ "ขอโทษ" แสดงถึงการให้เกียรติและความเคารพต่อผู้อื่น คำพูดเหล่านี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้อย่างมาก
10.ไม่ควรวิจารณ์รูปร่างหน้าตาของใคร ทำไมสิวเยอะจัง ทำไมดำจัง ทำไมอ้วนจัง มันทำให้ผู้ฟังไม่มั่นใจและรู้สึกอาย ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแค่ยิ้มให้กันก็พอ
: การวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างหน้าตาของผู้อื่นเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพและอาจสร้างความรู้สึกไม่ดี ความไม่มั่นใจ หรือความอับอายให้กับผู้ถูกวิจารณ์ หากไม่มีสิ่งใดที่สร้างสรรค์หรือเป็นประโยชน์จะพูด ควรเลือกที่จะเงียบหรือแสดงความเป็นมิตรด้วยการยิ้ม
ตัวอย่าง: คุณไม่ควรทักเพื่อนที่เพิ่งเจอกันด้วยคำถามว่า "ทำไมวันนี้หน้าดูโทรมจัง" หรือ "อ้วนขึ้นหรือเปล่า" หากไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ การยิ้มให้กันเป็นการแสดงไมตรีที่ดีกว่า
หลีกเลี่ยงการวิจารณ์รูปลักษณ์ - ควรหลีกเลี่ยงการพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอกของผู้อื่นในทางลบ เช่น สีผิว น้ำหนัก หรือรูปร่าง เพราะอาจทำให้ผู้ถูกพูดถึงรู้สึกไม่มั่นใจและอับอาย
11.หากต้องยืมเงินใคร ต้องคืนให้ตรงวัน ถ้าให้ดีให้คืนก่อนกำหนด คนให้ยืมคือคนที่มีน้ำใจต่อเรา เห็นใจเราในวันที่เราเดือดร้อน
: การรักษาคำพูดและคืนเงินตรงตามกำหนดเมื่อยืมจากผู้อื่น เป็นการแสดงความรับผิดชอบและให้เกียรติผู้ให้ยืม การคืนเงินก่อนกำหนดได้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและความขอบคุณต่อความช่วยเหลือที่ได้รับ
ตัวอย่าง: หากคุณยืมเงินเพื่อนและตกลงว่าจะคืนภายในสิ้นเดือน คุณควรพยายามคืนเงินให้ตรงตามนั้น หรือหากมีเงินพร้อมก่อนกำหนด ก็ควรรีบคืนเพื่อแสดงความจริงใจ
การยืมเงินและการคืนเงิน - เมื่อต้องยืมเงินจากใครสักคน ควรคืนให้ตรงเวลาหรือคืนก่อนกำหนดหากทำได้ นี่เป็นการแสดงความรับผิดชอบและให้เกียรติผู้ให้ยืม
12.สถานที่ ที่ควรจะเงียบ อย่าพยายามส่งเสียง ห้องสมุด วัด โรงหนัง ถ้าคุณทำไม่ได้แสดงว่าคุณไร้มารยาท
คำอธิบาย: สถานที่บางแห่งต้องการความสงบเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น การอ่าน การทำสมาธิ หรือการชมภาพยนตร์ การส่งเสียงดังรบกวนในสถานที่เหล่านี้ถือเป็นการไม่เคารพต่อผู้อื่นและแสดงถึงการขาดมารยาท
ตัวอย่าง: ในห้องสมุด คุณควรใช้เสียงเบาในการพูดคุย หรือหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือเสียงดัง ในวัด ควรสำรวมกิริยาและงดใช้เสียงดัง ในโรงภาพยนตร์ ควรปิดเสียงโทรศัพท์และไม่พูดคุยขณะชมภาพยนตร์
ความเงียบในสถานที่ต้องการความสงบ - สถานที่เช่นห้องสมุด วัด หรือโรงภาพยนตร์ ควรเคารพกฎของสถานที่และไม่สร้างเสียงรบกวน เพื่อให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
13.จงเป็นผู้พูด และผู้ฟัง ที่ดี พูดในสิ่งดีๆแต่เรื่องดีๆ และฟังอย่างไม่ต้องแทรก
: การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมาจากการเป็นทั้งผู้พูดที่ดีและผู้ฟังที่ดี ในฐานะผู้พูด ควรพูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ สร้างสรรค์ และให้เกียรติผู้อื่น ในฐานะผู้ฟัง ควรตั้งใจฟัง จับประเด็น และไม่ขัดจังหวะผู้พูดโดยไม่จำเป็น
ตัวอย่าง: เมื่ออยู่ในวงสนทนา คุณควรเลือกที่จะพูดในหัวข้อที่สร้างสรรค์และไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง และเมื่อผู้อื่นกำลังพูด คุณควรตั้งใจฟังจนจบก่อนที่จะแสดงความคิดเห็น
เป็นผู้พูดและผู้ฟังที่ดี - ควรพูดในสิ่งที่สร้างสรรค์และฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ขัดจังหวะ นี่เป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
14.การรักษาเครดิตในตัวเองที่ดีที่สุด คือการตรงต่อเวลา เมื่อไหร่ที่คุณช้าเพียงนิดเดียว เขาจะจดจำภาพคุณไปตลอด
: การตรงต่อเวลาเป็นการแสดงความเคารพต่อเวลาของผู้อื่น และเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเอง การผิดนัดหรือการมาสายแม้เพียงเล็กน้อย อาจทำให้ผู้อื่นมองว่าคุณไม่ใส่ใจหรือไม่ให้ความสำคัญกับนัดหมายนั้น
ตัวอย่าง: หากคุณมีนัดกับเพื่อนในเวลา 13:00 น. คุณควรไปถึงตรงเวลา หรือก่อนเวลาเล็กน้อย การไปสายโดยไม่มีเหตุผลที่สมควรอาจทำให้เพื่อนรู้สึกไม่ดีและจดจำพฤติกรรมนี้ของคุณได้
การตรงต่อเวลา - การเป็นคนที่ตรงเวลาแสดงถึงการให้เกียรติและความเคารพต่อเวลาของผู้อื่น และสร้างความน่าเชื่อถือในตัวคุณ
15.จะเปิดห้องใคร รู้จักเคาะประตูทุกครั้ง ไม่ว่าจะสนิทมากแค่ไหนก็ตาม
: การเคาะประตูก่อนเข้าไปในห้องของผู้อื่น เป็นการแสดงความเคารพต่อความเป็นส่วนตัว และเป็นการแจ้งให้คนที่อยู่ในห้องทราบว่ากำลังจะมีคนเข้าไป แม้จะสนิทสนมกันเพียงใด การเคาะประตูก็ยังเป็นมารยาทที่ควรรักษาไว้
ตัวอย่าง: ก่อนที่คุณจะเปิดประตูห้องเพื่อนสนิท ควรเคาะประตูก่อนเสมอ แล้วรอให้เพื่อนอนุญาตก่อนจึงค่อยเข้าไป
การเคาะประตูก่อนเข้าห้อง - การเคาะประตูก่อนเข้าห้องของใครก็ตาม เป็นการแสดงความเคารพต่อความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นและแจ้งให้พวกเขาทราบว่าคุณกำลังจะเข้ามา
เริ่มต้นที่ตัวคุณเองก่อนเลย
การเริ่มต้นสร้างสังคมที่ดีและน่าอยู่ เริ่มต้นได้จากการปรับปรุงและพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่มีมารยาทและให้เกียรติผู้อื่น เมื่อเราปฏิบัติดีต่อผู้อื่น ก็มีแนวโน้มที่เราจะได้รับการตอบสนองที่ดีกลับมาเช่นกัน
7 กิจวัตรความดีประกอบด้วย
https://www.sila5.com/detail/index2/index
รับชมสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับ 7 กิจวัตรความดีได้ที่
บทความที่เกี่ยวข้อง
Facilitation สู่การสร้างห้องเรียนแห่งความสุข: มุมมองจากคุณครูภาคสนาม:
https://sila5.com/blog/blog/detail/var/64w2d4
ครูเสกสันต์ ณ.เชียงใหม่ จากครูดุสู่ครูใจดี : เส้นทางการสร้างห้องเรียนแห่งความสุข
https://sila5.com/blog/blog/detail/var/64w2e4
ครูกาญจนา จารีย์ สอนเด็กให้ทำงานเป็นทีมด้วยผู้นำ 4 ทิศ: จากความเงียบ...สู่พลังแห่งการเรียนรู้
https://sila5.com/blog/blog/detail/var/64x264
ครูถาวร ศรีทุม จากความคาดหวัง สู่ความเข้าใจ : ความสุขของครูที่นักเรียนกล้าเข้าหา
https://sila5.com/blog/blog/detail/var/64w2f4
ครูสมหทัย แคว้นไธสง เปิดประตูสู่ความเข้าใจ : การใช้การฟังเชิงลึกเพื่อเปลี่ยนแปลงห้องเรียน
https://sila5.com/blog/blog/detail/var/64x274
ครูอลิศรา โพธิ์กิ่ง การสร้างภาวะความเป็นผู้นำในรั้วโรงเรียน : เรื่องการสื่อสารที่ดี
https://sila5.com/blog/blog/detail/var/64x284
#7กิจวัตรความดี #ห้องเรียนแห่งความสุข #เครื่องมือพัฒนานักเรียน #โรงเรียนรักษาศีล5
10 มิถุนายน 2568
30 พฤษภาคม 2568
10 พฤษภาคม 2568