การให้ คือ ความสุข

29 มกราคม 2563 14:16 น.


การให้สุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ ความสุขของผู้รับคือ ความยินดีที่ได้รับสิ่งที่มอบให้ ในขณะที่ผู้ให้นั้น สุขใจที่ได้ช่วยเหลือและแบ่งเบาความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน การให้ที่ปราศจากเงื่อนไข เป็นการให้ที่ทำให้ ทั้งผู้ให้และผู้รับมีความสุข ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ให้ด้วยความเต็มใจ และเปี่ยมไปด้วยเมตตาจิต ไม่รู้สึกเสียดายหรืออาลัยอาวรณ์ในสิ่งที่ให้นั้น และการได้รับสิ่งตอบแทนกลับคืนมานั้น เป็นเพียงผลพลอยได้จากการให้ เช่น การให้ของขวัญวันปีใหม่ ซึ่งเรามักจะได้รับของขวัญกลับคืนมาด้วยเช่นกัน

 

การให้ของพระพุทธเจ้า


พระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่างที่ประเสริฐที่สุด ในเรื่องของการเสียสละประโยชน์ความสุขส่วนตัว เพื่อไปแสวงหาความจริง สิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นความสุขแก่ผู้อื่น การออกบวชของพระพุทธเจ้า เป็นการเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์(การเสด็จออกเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่) พระองค์ทรงศึกษาและบำเพ็ญความเพียร ด้วยความยากลำบากแสนสาหัส จนกระทั่งตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ และได้แสดงธรรมนั้นแก่หมู่เทวดา มนุษย์ และสัตว์ ทรงสั่งสอนพระสาวกทั้งหลาย ให้เผยแผ่ธรรมแก่ชาวโลก เพื่อให้พ้นจากความมืดบอด พ้นจากความหลงผิด และชี้ทางที่ถูกที่ชอบ ให้พวกเราได้เดินตาม

ในวันเพ็ญ ขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนแปด พระพุทธเจ้าตรัสกับพระสาวกว่า ;


"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวจาริกไป เพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย แต่อย่าได้ไปทางเดียวกันสองรูป ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงแสดงธรรม งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด จงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง ในโลกนี้ สัตว์พวกที่มีกิเลสเพียงดังธุลีในจักษุเบาบางยังมีอยู่ เพราะไม่ได้ฟังธรรม สัตว์พวกนั้นจึงเสื่อมเสียไป ผู้ที่รู้ทั่วถึงธรรมได้ยังจักมี แม้เราก็จักกระทำ"


แม้พระพุทธเจ้าเองก็ยังตรัสว่า "เราเองก็จะไปเหมือนกัน" จะเห็นว่าทรงอุทิศตนเพื่อทำประโยชน์ เพื่อความสุขของผู้อื่นตลอดเวลา


งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด หมายถึง ศีล สมาธิ ปัญญา รวมเรียกว่า ไตรสิกขา ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติสำคัญ ตามหลักพระพุทธศาสนา โดยมีเป้าหมายของการปฏิบัติธรรมคือ เพื่อทำลายความเห็นแก่ตัว อัตตา ตัวตน เมื่อจิตใจบริสุทธิ์แล้ว ธรรมชาติของจิตที่มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็จะปรากฏขึ้น สำหรับพระอรหันต์เมื่อหมดกิเลส มีจิตใจที่บริสุทธิ์แล้ว หน้าที่ในชีวิตทั้งหมด ก็เพื่อประโยชน์และความสุขของมหาชน การประกาศพระพุทธศาสนาจึงแสดงถึง หน้าที่ในชีวิต

 

"ให้" อะไรได้บ้าง


ดังที่กล่าวแล้วว่า เราทุกคนให้ได้โดยไม่จำกัด แต่จะต้องตั้งอยู่บนฐานของศีลธรรม ให้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์และทำให้ผู้อื่นมีความสุขเพิ่มขึ้น ไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินเงินทองมากมายถึงจะให้ผู้อื่นได้ เพียงแค่มีเจตนาที่ดีและบริสุทธิ์ใจ ที่จะให้ตามกำลังของเรา ทุกคนก็สามารถเป็นผู้ให้ได้ ประเภทของทานที่ควรให้ ในทางพุทธศาสนา มีอยู่ ๔ อย่างด้วยกัน

๑.อามิสทาน คือ การให้วัตถุสิ่งของ พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ข้าว(อาหาร) และน้ำเป็นทรัพย์โดยปรมัตถ์ สิ่งอื่นเป็นทรัพย์โดยบัญญัติ" เพราะเกิดจากการสมมุติของคน ที่ทำให้เกิดความจำเป็น เช่น เงินทอง เพชรพลอย กินไม่ได้และไม่มีประโยชน์

๒.อภัยทาน คือ การยกโทษ ด้วยการไม่พยาบาทจองเวร เป็นทานที่ให้ได้ยากที่สุด โดยเฉพาะการให้อภัยศัตรู หรือผู้ที่ทำร้ายตนอย่างสาหัส

๓.วิทยาทาน คือ การให้ความรู้ทางโลก

๔.ธรรมทาน คือ การให้ความรู้ทางธรรม โดยเฉพาะความรู้ทางพุทธศาสนา ได้ชื่อว่า ให้ทุกอย่าง

จะเห็นว่ามีถึง ๓ ใน ๔ ประเภทของทาน ที่เราสามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทอง แต่ใช้จิตใจที่ดี ไม่มีพยาบาทในการทำ นั่นคือ อภัยทาน วิทยาทาน ธรรมทาน จริงๆแล้ว ทุกประเภทของทานนั้น มีประโยชน์ และช่วยค้ำจุนชีวิตคน ช่วยให้เขามีที่พึ่งอาศัยในชาตินี้ แต่ธรรมทานนั้นเป็นเลิศที่สุด เพราะช่วยให้เขารู้จักพึ่งตนเองได้ต่อไป ทั้งชาตินี้และชาติหน้าด้วย ส่วนอภัยทานนั้นทำได้ยากที่สุด

ในการทำทานให้เกิดผลบุญสูงสุดนั้น ตัวผู้ให้ต้องมีเจตนาที่จะให้ ด้วยความบริสุทธิ์ ซึ่งเจตนานั้น ต้องมีพร้อมทั้งสามระยะ นั่นคือ

๑.ระยะก่อนการให้ทาน

๒.ระยะที่กำลังให้ทาน

๓.ระยะหลังการให้ทาน

ทั้งสามระยะเวลานี้ จำเป็นต้องมีจิตใจที่บริสุทธิ์ ร่าเริง และยินดีในทานที่ให้ไป โดยคิดว่าตัวผู้รับเองจะมีความสุขจากทานที่ตนเองได้สละให้ไป

 

5 ลักษณะของการเป็นผู้ให้ที่ดี

“การให้” คือ สิ่งที่กำลังบ่งบอกถึงความมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าการให้นั้นจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม ลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเราเองดูสิ่ว่าเราได้เป็น ผู้ให้ ที่ดีบ้างหรือยัง – ผู้ให้ที่ดี

  1. ให้ด้วยความปรารถนาดี

การที่เราให้ผู้อื่นด้วยความปรารถนาดี เป็นการให้โดยที่เราไม่หวังผลตอบแทนจากสิ่งที่เราได้กระทำ หรือจากสิ่งที่เราให้  แต่จะก่อให้เกิดความสุขใจที่ได้ให้ เป็นความสุขใจที่ได้ทำ

  1. ให้ในสิ่งที่ดี

การให้ในสิ่งที่ดีนั่นก็หมายถึงการให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับ เช่น ให้ความรู้ ให้กำลังใจ หรือให้โอกาส

  1. ให้ในสิ่งที่เราสามารถให้ได้

การให้ในข้อนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าเราสามารถให้ได้ทุกอย่างที่เราอยากจะให้ค่ะ แต่….ต้องไม่ทำให้ตัวเองลำบาก เพราะถ้าเราให้โดยที่ตัวเราลำบาก ความสุขที่ตั้งใจไว้หวังว่าจะได้จากการให้ก็จะไม่เกิด แถมได้ความทุกข์กลับมาอีกด้วย ฉะนั้นแล้วก่อนจะมอบน้ำใจให้ใคร ก็ควรประมาณตนก่อนนะคะ

  1. ให้โดยที่เราสบายใจ

แน่นอนค่ะว่าการให้ต้องมาจากความสบายใจของเรา โดยที่เราไม่ได้ให้เพราะความฝืนใจ หรือ ให้ด้วยความไม่เต็มใจ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วเราจะไม่ได้อะไรจากการให้เลยค่ะแม้แต่ความสุข หรือความสบายใจที่คุณหวังว่าจะได้กลับมาบ้าง

  1. ให้ (อภัย)

เป็นการให้ที่ใครหลายคนอาจมองว่าทำได้ยากซะเหลือเกิน เพราะเมื่อไฟแห่งความโกรธมันเผาจิตใจเราอยู่ เราก็จะมองไม่เห็นคำว่าให้อภัยหรอกค่ะ ลองตั้งสติแล้วหยุดเติมเชื้อเพลิงให้ความโกรธ  เพราะนอกจากจะทำให้เราไม่มีความสุขแล้วยังบั่นทอนจิตใจเราให้แย่ลงอีกด้วย หากหากคุณรู้จักการให้อภัยได้ คุณก็จะมีความสุขกับชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม

 

 

เมื่อมีศีล 5 เป็นพื้นฐาน และวงล้อแห่งทานนี้หมุนไปที่แห่งใด จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในสังคม จะเกิดพลังแห่งการสร้างสรรค์ พลังที่จะร่วมกันผลักดันสังคมที่ดีงามให้เกิดขึ้น และนำความสุขสู่เพื่อนมนุษย์ในสังคมวงกว้าง ยังความสันติสุขให้เกิดขึ้นในโลก

 

ตัวอย่าง

สองป่วนชวนทำความดี เพราะการให้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอ:)

https://www.facebook.com/littlemonsterrocknroll/videos/1244050392446874/

 

การให้คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

https://youtu.be/8wJSMWcRK7g

 

ขอบขอบคุณ

 www.Dek-D.com

ข้อมูล นิตยสาร Secret

เพจ Little Monster