“ไม่ต้องรอให้รวยก่อนเราก็ทำบุญได้”

6 กรกฎาคม 2564 12:54 น.


 

“ไม่ต้องรอให้รวยก่อนเราก็ทำบุญได้

 

      บุญจะส่งให้เราสุขใจ บุญจะส่งให้เราสุขใจ ... จริงเท็จแค่ไหน เด็กๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่อีกหลายคน อาจจะไม่ได้นึกถึง     ความหมายของเพลงนี้ด้วยซ้ำไป ยอมรับเลยว่าเราเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น

      อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ ว่าเราจะชวนผู้อ่านไปลอยกระทง แต่เราอยากชวนผู้อ่านมาทำความรู้จักกับน้องปุยนุ่น สาวน้อยที่ทำให้เราเชื่อว่า “บุญจะส่งให้เราสุขใจจริง ๆ นะ” เธอว่าอย่างนั้น แถมเธอยังบอกอีกด้วยว่า “ไม่ต้องรอให้รวยก่อนเราก็ทำบุญได้”

 

                                            

 

แนะนำตัวหน่อยค่ะ

             ชื่อปุยนุ่นค่ะ ณัฐริกา พลกล้าหาญ เป็น Account Executive ทำงานอยู่บริษัท Mobile Connect

 

          ตอนที่เพิ่งย้ายงานมา ได้ยินบ่อยๆ เรื่องโครงการโรงเรียนรักษาศีลห้าที่บริษัทให้การสนับสนุนอยู่ แต่ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าคืออะไร เกี่ยวข้องกับบริษัทอย่างไร แล้วเราต้องทำไหม รู้แต่ว่าบริษัทแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งเพื่อให้การสนับสนุนโครงการนี้เชียวนะ

 

เป็นไงมาไงถึงได้เข้ามาช่วยงานจิตอาสา

          เจ้าของบริษัทหยิบยื่นโอกาสให้ค่ะ ชวนเราให้ไปเป็นคณะกรรมการของโครงการโรงเรียนรักษาศีลห้า ท่านถามเราว่า เราอยาก  รับบุญไหม ตอนนั้นเราตอบทันทีเลยค่ะ “เรื่องบุญหรอคะ รับค่ะ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้หรอกนะคะว่าต้องทำอะไรบ้าง” 

 

ตอบตกลงอย่างไรคะ ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะให้ทำอะไร

          นุ่นมี passion เรื่องการทำบุญค่ะ แต่เราจะเคยได้ยินบ่อยๆ ว่า ต้องรอให้รวยก่อนถึงจะทำบุญได้ เรามี mindset แบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ เรารู้สึกว่าคนมีเงินจะทำบุญได้เยอะ แต่ตอนนี้เรายังไม่มีขนาดเขา เราจะทำได้อย่างไร ดังนั้นพอได้รับคำชวน นุ่นจึงตอบตกลงทันที เพราะโครงการนี้ทำให้เรามีพื้นที่ที่จะทำบุญได้เลย โดยที่ไม่ต้องรอให้รวยก่อน

 

 

                                                       

ประทับใจอะไรในโครงการที่เราได้เข้าไปมีส่วนร่วมคะ

          โครงการแรก Smart Idol เราได้อ่านสมุดบันทึกความดีของเด็กๆ     รู้สึกเหมือนเห็นภาพของตัวเองสะท้อนออกมาจากเรื่องของเด็กน้อย  และที่สำคัญโครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตัวเราเองเข้าใจเรื่องการทำบุญ เข้าใจว่าเราสามารถทำได้เลยจริง ๆ นะ ไม่เห็นต้องรอให้รวยก่อน

           ส่วนโครงการที่สอง Moral Storytelling Contest เราได้ฟังเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงของเด็ก ๆ จากการเข้าร่วมโครงการโรงเรียนรักษาศีล 5 ที่ให้เด็ก ๆ ได้เขียนสมุดบันทึกความดีเป็นเวลา 11 สัปดาห์ “นุ่นชอบที่จะฟังเรื่องเล่าของเด็ก ๆ หลังจากที่เขาจบการทำสมุดบันทึกความดี ได้เห็นพัฒนาการของเด็กจากการเขียนสมุด”

 

ภาพอะไรที่สะท้อนตัวเราเองจากโครงการแรกคะ เล่าให้ฟังหน่อย

          ตอนเด็ก ๆ ที่โรงเรียนมีแค่สวดมนต์ มีพระอาจารย์มาเทศน์ ตักบาตร ทำบุญ นุ่นก็ไม่เข้าใจว่าศีลธรรมคืออะไร
เราเป็นเด็กคนหนึ่งที่ไปจับผีเสื้อมาฉีก ๆ เล่น เราไม่ได้มองว่า เขาคือชีวิต ๆ หนึ่งเหมือนกัน เราทำเล่นเพราะความสนุก

          เรื่องของน้องคนหนึ่งเลยสะท้อนภาพตัวเราตอนเด็ก ๆ มาก น้องเล่าว่าแต่ก่อนจะชอบฆ่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ แล้วเพิ่งมารู้ หลังจากได้เริ่มเขียนสมุดบันทึกความดีว่าทำแบบนี้มันบาปนะ แล้วน้องพูดว่า  “พอหนูเข้าใจแล้วหนูจะไม่ฆ่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ อีก”

และสิ่งนี้เองที่ตอกย้ำให้สาวน้อยของเราเห็นความสำคัญของการปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งศีลธรรมให้งอกงามในเยาวชน

  

 

ตกลงว่าพื้นที่ในการทำบุญตอบโจทย์เราเหมือนที่คิดไว้ตอนแรกไหม

            ตอนเข้าร่วมโครงการครั้งแรก ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่เราสงสัยว่าทำไปเพื่ออะไร พอสงสัย เราเลยต้องหาคำตอบ ช่วงแรก ๆ เรายังไม่เต็มร้อยที่จะทำ เพราะเรายังไม่เข้าใจ แต่พอเริ่มทำ เราเริ่มเห็นว่าเด็ก ๆ ได้รับอะไรจากโครงการ ได้เห็นว่าสิ่งที่โครงการทำ ทำเพื่อปลูกฝังศีลธรรมให้เด็ก ๆ และสิ่งนี้จะติดตัวเขาไป เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่งดงามในสังคม มันคือการให้ที่ยั่งยืน เราเริ่มรู้สึกมีความสุข                 

          แต่ความสุขของปุยนุ่น ไม่ใช่แค่เพราะเธอได้ทำเพื่อคนอื่น

          เธอบอกว่า เริ่มจากอยากทำเพื่อคนอื่นนั่นแหละ แต่สุดท้ายความสุขย้อนกลับมาหาตัวเธอเอง

          “การเป็น Sale นะ มันเครียดแหละถ้านึกถึงแค่ตัวเอง ต้องแข่งขันกัน ต้องนึกถึงยอดขายตลอด และคิดว่าต้องได้ ๆ อย่างเดียว แต่พอเรามาคิดว่า ถ้าเราทำได้นะ บริษัทได้กำไร ส่วนหนึ่งของกำไรก็ไปช่วยโครงการ ช่วยเด็ก ๆ คิดแบบนี้เราสบายใจกว่า และมีความสุขมากกว่า”

         พอคิดถึงคนอื่น เรากลับมาความสุขมากขึ้น”

 

งานประจำก็หนักอยู่แล้ว จัดการเวลาอย่างไรคะ

          อย่าใช้คำว่าจัดการเวลาเลยค่ะ ทุกคนมีเวลาเท่า ๆ กัน แต่เราต้องจัดลำดับความสำคัญใหม่ค่ะ มันอยู่ที่ว่าเราให้ความสำคัญกับอะไรมากกว่า ถ้าเราไม่ให้ความสำคัญ  เราไม่ทำหรอก  ไม่ทำเลย  แต่ถ้าเราให้ความสำคัญ  ไม่ว่าจะยุ่งยากแค่ไหน  เราก็จะจัดลำดับให้มันเอง

 

แล้วเราให้ความสำคัญกับอะไรคะ

          เป้าหมายชีวิตค่ะ การได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการมันสอดคล้องกับอีก PARTของเป้าหมายชีวิตนุ่น คือ การให้ ให้อย่างมีคุณค่าในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และตายจากไปโดยที่ไม่เสียดายอะไรอีกแล้ว นุ่นไม่ใช่คนที่ริเริ่มโครงการนะ แต่ก็เต็มใจที่จะสานต่องานนี้ เพราะเราเชื่อว่ามันจะเป็นประโยชน์กับอีกหลายพัน หลายหมื่นคน

 

        

 

ชวนเพื่อนมาทำงานจิตอาสาหน่อยค่ะ

          สาวน้อยท่าทางคิดหนักเลยค่ะ เธอรวบรวมความคิด แล้วไม่ได้เอ่ยปากชวนในทันที แต่กลับบอกว่าการทำงานจิตอาสามอบความหมายให้ชีวิตของเธออย่างไร ทั้งยังสามารถส่งต่อความหมายให้ชีวิตของผู้อื่นด้วย

          “นุ่นเกิดมา นุ่นต้องการทำอะไรที่เป็นประโยชน์ และมีคุณค่าต่อโลกใบนี้ ไม่ได้เกิดมาแล้วตายไปโดยที่ไม่ได้ทำประโยชน์ต่อผู้คนเลย นุ่นเลยอยากทำโครงการนี้ “

          “ถ้ามองว่าประเทศนี้คือผืนป่าใหญ่ และเด็กแต่ละคนเป็นต้นไม้ เราอยากเพาะเมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ ให้เติบโตมาเป็นต้นไม้ใหญ่ ที่ไม่แคระแกร็น เพื่อให้ผืนป่าของประเทศอุดมสมบูรณ์”

แล้วเธอก็ทิ้งท้ายด้วยคำเชิญชวนสั้น ๆ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น

          “ลองมาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งศีลธรรมให้ต้นไม้ของเรางอกงามเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแรงบนผืนป่าของประเทศของเรากันนะคะ”

          ชีวิตจะมีความหมายในตัวของมันเอง เมื่อเราคิดถึงความสุขของตัวเองน้อยลง และคิดถึงความสุขของผู้อื่นมากขึ้น

 การสร้างบุญจึงเป็นช่องทางหนึ่งของการสร้างชีวิตที่มีความหมาย

เมื่อชีวิตที่มีความหมายคือชีวิตที่มีความสุข 

บุญจึงส่งให้เราสุขใจ บุญจึงส่งให้เราสุขใจ